วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Gigawork G500

>>>>เอามาให้ดูไส้ในครับว่ามีอะไรกันบ้าง


ดูกันเลยครับ ว่า กาวมากขนาดไหน


แหล่งจ่ายไฟชัด ๆ ครับ ทอรอย






ชุดระบบเสียงครับ

แหล่งจ่ายไฟ


หลังเครื่องครับ


วงจรขยายครับ

วันนี้ได้รับ GigaWork มาครับ อาการเสียคือ supwubfer ไม่ออกครับ จัดการชำเละ คับ อย่างแรกที่อย่าจะบอกในการบังคับเจ้าตัวนี้ออกมาคือ น็อตที่มีมากมายหลายตัวอยู่เหมือนกันครับ ต่อมาหากต้องการจะนำแผ่นลายวงจรออกมาจำเป็นต้องผ่านด้านสองครับนั้นคือ กาว อีพร็อกซีครับ ยอมรับว่าหนาแน่นมาก ๆ จะต้องใช้เวลาในขั้นตอนนี้อย่างมาก เลยที่เดียว เอาทินเนอร์ซ่ะเกือบจะหมดกระปุกเลย คับออกแล้วก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างมากเพราะชั้นที่สองนั้นจะง่ายขึ้นอีก

เครื่องที่ผมได้มาตัวนี้ยอมรับว่าใช้มากโหดจริง ๆ ดูจากลักษณะการใช้งานแล้วโอ้ C บวม กันระนาว บวมทุกตัวที่เป็นแหล่งจ่ายด้วยน่ะครับพี่บิ้ก ตัวนี้ แบบครับ จะใช้หม้อแปลงไม่ใช้สวิงซิ่ง ก็งง อยู่เหมือนกันครับ แต่เพราะอะไรไม่รุ้หรอกครับ แต่อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ PA เจ้า PA ตัวนี้ทนจริง ๆ ครับ ไม่ขาด แต่ที่ขาดคือลายวงจร งง? ครับ เหตุผลที่ Sub ไม่ออก เพราะลายวงจรขาดนั้นเอง

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551

เรื่อง Note book Epson

อ่ะ งง งง ใช้ไหมล่ะครับ ใช้ครับ เพราะ Note book ยี่ห้อ Epson ไม่ค่อยจะมีให้เห็นกันหรอกครับ ครับ ได้ของมาก็ไม่มีเวลาว่างมากมายจะสื่อสายตระกูลก็จัดการชำเละ
ครับ ทราบอาการมาว่า เสียบ DC in แล้ว ควันขึ้น ครับไม่เชื้ออะไรง่าย ๆ หรอกครับ จัดการเสียบเข้าให้ โอ้ DC หายเกือบหมด short แล้วแม่เจ้า power แน่นอนจัดการเลยครับ power จริงด้วยครับ ไหม้ตั้งขนาดนั้น จัดการเปลี่ยนแต่เปลี่ยนตัวที่ทนกระแสให้สูงกว่านิดหนึ่ง

ทดสอบใช้ง่ายได้ 555ผมไม่ต้องบอกน่ะครับว่ารุ่นอะไร สเปกทเท่าไรเพราะ อย่าไปรู้เลย เจ้าของลง 98 มาเปิดครั้งหนึ่งใช้เวลานานแสนนา

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

Vista

.....หากคุณสงสัยกันว่า ทำไมระบบปฏิบัติการ Windows Vista ถึงได้ใช้เวลานานนักกว่าที่จะมีเวอร์ชัน Beta 1 ออกมา ผมอาจจะตอบคุณได้ว่า ทำไม? Ken Caesar Fisher จากเว็บไซต์ arstechnica.com กล่าว

.....เนื่องจากมันมีระบบปฏิบัติการ Windows Vista ถึง 7 เวอร์ชันที่แตกต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลของความล่าช้าที่เกิดขึ้น ปัญหาคือ คุณจะทำอย่างไรหากต้องแนะนำระบบปฏิบัติการหลายๆ เอดิชันที่มีความแตกต่างในรายละเอียดพร้อมกัน เอาเป็นว่า เรามาทำความรู้จักกับพวกมันดีกว่า
Windows Vista เอดิชั่นแรกคือ Starter Edition ได้ยินแล้วทำให้นึกถึง XP Starter Edition ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีการลดทอนความสามารถของผลิตภัณฑ์ลง เพื่อให้มีราคา และประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่สามารถวางจำหน่ายให้กับกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาได้

.....เอดิชั่นต่อมาเรียกว่า Home Basic Edition มันคงจะเป็นเวอร์ชันที่มีคุณสมบัติการทำงานแบบ Windows XP Home ที่ต้องใช้คำนี้ เพราะมันจะมีเวอร์ชัน Home Permium Edition ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า เอดิชั่นนี้จะมีการเพิ่มความสามารถที่มากกว่า Home Basic Edition โดยเฉพาะคุณสมบัติของการเป็น Media Center นั่นหมายถึง ความสามารถในการทำงานร่วมกับ HDTV, การสร้างสรรค์งานบนมีเดียอย่าง DVD หรือแม้แต่การก็อปปี้แผ่น DVD ด้วย Windows DRM นั่นเอง ซึ่งทั้งสามเวอร์ชันจะเหมาะกับผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่อยู่ตามบ้าน อย่างไรก็ดี คุณสมบัติการทำงาน และขีดความสามารถของพวกมันโดยรวมจะคล้ายกับ Windows XP Pro ที่เพิ่มความสามารถในการให้ความบันเทิงเข้าไปด้วย

.....คราวนี้มาดูเวอร์ชันที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนั่นคือ Windows Vista Professional Edition ซึ่งแน่นอนว่า มันย่อมไม่เหมือนกับ Windows XP Pro ที่ใช้กันทุกวันนี้ เนื่องจากเป็นเอดิชั่นที่ได้รับการออกแบบสำหรับการใช้งานธุรกิจเท่านั้นนอกจากนี้ Vista ยังมีอีก 2 เอดิชั่นสำหรับธุรกิจนั่นคือ Small Business Edition และ Enterprise Edition ซึ่งความแตกต่างจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติการทำงานที่เพิ่มเข้าไป โดยจะสอดคล้องกับความต้องการในแต่ละตลาด ยกตัวอย่างเช่น SBE (Small Business Edition) จะเพิ่มโซลูชั่นสำหรับการแบคอัพเครือข่าย ในขณะที่ EE (Enterprise Edition) จะรวมคุณสมบัติที่เรียกว่า Virtual PC และความสามารถในการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดเข้าไปด้วย

......และเวอร์ชันสุดท้ายจะใช้ชื่อว่า Ultimate Edition ซึ่งแน่นอนว่า มันจะเป็นเอดิชันที่รวมความเป็นสุดยอดของคุณสมบัติการทำงานของระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Windows Vista

โดยสรุป Windows Vista ทั้ง 7 เวอร์ชันมีดังนี้

* Windows Vista Starter Edition
* Windows Vista Home Basic Edition
* Windows Vista Home Premium Edition
* Windows Vista Professional Edition
* Windows Vista Small Business Edition
* Windows Vista Enterprise Edition
* Windows Vista Ultimate Edition

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

อินเทลพร้อมลุยตลาดใหม่ Solid-State Drives

นอกเหนือไปจากตลาดทางด้านซีพียูแล้ว ตลาดหน่วยความจำแบบ NAND Flash Memory ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อินเทลที่กำลังรุกเข้ามาอย่างเงียบๆ ซึ่งถ้าใครยังนึกไม่ออก ขอให้นึกถึง Intel Turbo Memory ที่เปิดตัวครั้งแรกใน Intel Centrino Santa Rosa เพราะนั่นก็คือ การนำ NAND Flash Memory มาใช้ประเภทหนึ่ง และอีกทางหนึ่งที่มีการนำไปใช้ล่าสุดก็คือ การนำไปผลิตเป็นฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-State Drive : SSD

สองเทคโนโลยีสู่หนึ่งผลิตภัณฑ์

จากข่าวคราวที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีของอินทลไม่ว่าจะเป็น ไตรมาสหนึ่งที่อินเทลก็ร่วมมือกับไมครอนในการพัฒนา NAND Flash memory ที่เร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า คือจากเดิมก็ทำความเร็วในการอ่านข้อมูลได้แค่เพียง 40 MB/s และเขียนนั้นทำได้ที่ 20 MB/s มาเป็นความเร็วในการอ่านข้อมูลได้สูงสุดถึง 200 MB/s และเขียนข้อมูลได้เร็วถึง 100 MB/s และไตรมาสที่สองที่ผ่านมานี้อินเทลก็ได้ร่วมมือกับไมครอนอีกครั้งผลิตชิบ NAND Flash Memory ขนาด 32 กิกะบิต ที่ขนาด 34 ไมครอน พอมาไตรมาสที่สามนี้อินเทลก็เอาเทคโนโลยีทั้งสองมารวมกันแล้วผลิตเป็นฮาร์ดดิสก์ SSD ออกในงาน IDF เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ ซึ่งตอนที่อยู่ในงานนั้น ทางอินเทลเองก็ไม่ได้บอกว่าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับใคร แต่ในขณะที่เดินในงาน IDF ก็ไปเจอป้ายรูปสินค้าข้อมูลในบูตของ Kingston ดังนั้นข้อมูลที่เรารู้เพียงอย่างเดียว ณ วันนี้ ก็คือ อินเทลมีพาร์ทเนอร์รายแรกแล้ว คือ Kingston ซึ่งนั่นแสดงว่าในตลาด SSD ก็จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรายแล้ว





มาดูทางด้านสเป็กกันบ้าง

ในงาน IDF นั้นทางอินเทลเปิดตัวพร้อมๆ กัน 3 แบบ คือ X25-M และ X18-M โดยมีขนาด 2.5 และ 1.8 นิ้วตามลำดับ ซึ่งเป็นรุ่นที่จะมาเจาะตลาดเดสก์ท็อปกับโน้ตบุ๊ก โดยจะผลิตและออกจำหน่ายได้ในเเดือนกันยายนที่ขนาด 80 กิกะไบต์ และในไตรมาสที่สี่ปีนี้จะผลิตได้ที่ขนาด 160 กิกะไบต์ ส่วนอีกรุ่นคือ X25-E จะเป็นสำหรับตลาดองค์กรเพื่อใช้สำหรับเวิร์กสเตชัน สตอเรจ และเซิร์ฟเวอร์ โดยจะมีขนาด 32 กิกะไบต์ และ 64 กิกะไบต์ ซึ่งทางอินเทลคาดว่าจะผลิตเพื่อสู่ตลาดได้ในอีก 90 วันนับจากผลิตตัว X25-M และ X18-M สำหรับความเร็วในการอ่านและการเขียนนั้น สามารถอ่านถึง 250 MB/s และเขียนข้อมูลได้เร็วถึง 70 MB/s ซึ่งจากข้อมูลนี้นั่นแสดงว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกนี้จะอ่านได้เร็วกว่า แต่เขียนช้ากว่า NAND Flash memory ที่ร่วมพัฒนากับไมครอนเมื่อต้นปี


ไม่ได้มีแต่ SATA เท่านั้น PATA ก็มีด้วย

หลังจากกลับงาน IDF 2008 ได้ พอเข้าไปดูในเว็บไซต์อินเทล http://www.intel.com/design/flash/nand นอกเหนือไปจากอินเทอร์เฟซแบบ SATA แล้วอินเทลยังมีอินเทอร์เฟซแบบ PATA ด้วย คือ Z-P230 และ Z-P140 ซึ่งสาเหตุที่มีก็เพราะในปี 2006 ทางอินเทลเริ่มประกาศถึงแพลตฟอร์ม Atom ซึ่งในขณะนั้นสนับสนุนอินเทอร์เฟซแบบ PATA เพียงอย่างเดียว ดังนั้นทางอินเทล (Nand Product Group) จึงตัดสินใจเลือกผลิตทั้งแบบ SATA และ PATA สำหรับข้อมูลในส่วนของ ZP230 ได้รับการออกแบบมาใช้เพื่อใช้กับ Netbook และ Nettop มีความจุขนาด 4 กิกะไบต์และ 8 กิกะไบต์ตามลำดับ ส่วนขนาด 16 กิกะไบต์จะออกในไตรมาสสี่ ส่วน Z-P140 ออกแบบสำหรับเครื่อง MID รวมไปถึงมือถือด้วย มีความจุขนาด 4, 8 และ 16 กิกะไบต์
สำหรับคนที่ต้องการดูว่า SSD ของอินเทลทำงานได้อย่างไรนั้นคลิ๊กไปที่ http://www.intel.com/design/flash/nand/demo/demo.htm ได้เลยครับ

โดย Jakkrapol Deeyuen, PC Magazine Thailandอัพเดต 11 กันยายน 2008 เวลา 11:13 น.

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

การสื่อสาร

ใครมีความคิดเห็นกับแน้วโน้มของเทคโนโลยีการสื่อสารในอนาคตของไทยบ้างไหม
อ่านข่าวไอทีวันนี้ว่า กศท ได้นำเทคโนโลยไวแม็ก มาทดลองใช้ที่ชลบุรี
ดังนี้ครับ
ทีโอทีลั่นพร้อมลงทุนไวแมกซ์มากกว่าผู้ประกอบรายใด เผยมีลูกค้าในมือรอรับบริการแล้วกว่า 2 แสนราย คาดให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 52 เล็งนำมาทดแทนบริการ TDMA โทรศัพท์ 470 MHz ที่อุปกรณ์จวนหมดอายุ และเสริมลูกค้าที่ต้องการบรอดแบนด์นอกข่ายสาย ชี้ผลทดสอบที่ชลบุรีได้ผลน่าพอใจ
นายวิเชียร นาคศรีนวล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริการโทรคมนาคมโดยทั่วถึง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหสชน) เปิดเผยว่า ทีโอทีมีความต้องการให้บริการไวแมกซ์ ทันทีที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) ให้ใบอนุญาต และยังมีความพร้อมในการลงทุนมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่ยื่นขอทดสอบไวแมกซ์จำนวน 14 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2552
ปัจจุบันทีโอทีมีคลื่นความถี่ 2.3 GHz ที่พร้อมใช้ให้บริการไวแมกซ์ ในย่านความถี่ 2.5 GHz ได้ทันที อีกทั้งทีโอทีมีฐานลูกค้าในมือที่พร้อมใช้บริการแล้วกว่า 2 แสนราย โดยลูกค้าเหล่านี้เป็นลูกค้าเดิมที่ใช้งานเทคโนโลยี Time division multiple access (TDMA) และลูกค้าที่ใช้บริการโทรศัพท์ระบบ 470 MHz ซึ่งอุปกรณ์ของทั้งสองบริการใกล้จะหมดอายุแล้ว “ทีโอทีมีความพร้อมให้บริการไวแมกซ์มากกว่าผู้ประกอบการทุกรายที่ได้สิทธิ์ในการทดสอบจาก กทช. เพราะเรามีฐานลูกค้าพร้อมใช้อยู่ในมือ อีกทั้งยังมีคลื่นความถี่ 2.5 GHz ที่สามารถให้บริการไวแมกซ์ได้ เพราะเป็นย่านความถี่ใกล้เคียงกัน ส่วนเรื่องการลงทุนขณะนี้ยังไม่ได้มีการวิเคราะห์ไว้ว่าจะเป็นเท่าไหร่ แต่โดยเฉลี่ย 1 สถานีฐานใช้เงินลงทุนประมาณ 2-3 ล้านบาท ประกอบกับขณะนี้ทีโอทีต้องลงทุนมากมายหลายรายการ เช่น บรอดแบนด์ไอพี บรอดแบนด์ 1 แสนพอร์ต และโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี” ผู้บริหารทีโอทีกล่าวว่า ไวแมกซ์เป็นเทคโนโลยีที่สร้างประโยชน์ให้กับทีโอทีเป็นอย่างมาก โดยทีโอทีมีเป้าหมายที่นำไวแมกซ์เข้าไปใช้ทดแทนบริการที่อุปกรณ์ใกล้หมดอายุ อย่าง TDMA ซึ่งทีโอทียังมีลูกค้าใช้บริการอยู่มากกว่า 1 แสนราย และโทรศัพท์ 470 MHz ซึ่งทีโอทีให้บริการโทรศัพท์สาธารณะ และโทรศัพท์พื้นฐาน ซึ่งมีลูกค้าใช้บริการ 30,000 เลขหมาย
นอกจากนี้ บริการดังกล่าวยังสามารถช่วยให้ทีโอทีให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แก่ลูกค้าที่มีความต้องการใช้งานบริเวณนอกข่ายสายโทรศัพท์ประจำที่ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทีโอทีจะไม่ลงทุนในทั้งหมดทั่วประเทศ แต่จะเลือกเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากอย่างแท้จริงเนื่องจากเสี่ยงต่อปัญหาอุปกรณ์ตกรุ่น และไม่มีความต้องการใช้งาน “ทีโอทีมีเป้าหมายนำบริการนี้ไปใช้งานชดเชยบริการเดิมที่อุปกรณ์ใกล้หมดอายุ และจะนำไปเสริมให้บริการแก่ลูกค้าที่ต้องการใช้งานบรอดแบนด์ความเร็วสูง แต่อยู่นอกพื้นที่ข่ายสายโทรศัพท์พื้นฐานเข้าถึงได้”
พร้อมกันนี้ ทีโอทีได้ทดสอบไวแมกซ์ ในจังหวัดชลบุรี จำนวน 3 สถานีฐาน เป็นระยะเวลา 6 เดือนร่วมกับบริษัท แพลนเน็ต คอมมูนิเคชั่น เอเชีย ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์โมโตโรล่า ซึ่งผลการทดสอบออกมาเป็นไปตามมาตรฐาน สามารถให้บริการในอาคารระยะหวังผล 2-3 กิโลเมตร นอกอาคารประมาณ 9.1 กิโลเมตร ซึ่งปกติระยะทางการทดสอบในพื้นที่โล่งไม่มีตึกหรือภูเขาบดบังสื่อสัญญาณได้ไกลถึง 15 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่หวังผลจะต้องอยู่ในมุม 90 องศาของอุปกรณ์สื่อสัญญาณ สำหรับสถานที่ติดตั้ง 3 จุดอยู่ที่ศูนย์โทรคมนาคมชลบุรี ชุมสายเขาบางทราย และอาคารพักอาศัยบริเวณอำเภอเมือง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ลูกข่าย จำนวน 22 ชุด ประกอบด้วยอุปกรณ์ลูกข่ายทั้ง 4 ประเภท คือ แบบที่ใช้ภายในอาคาร หรือ Indoor CPE จำนวน 10 ชุด และแบบภายนอกอาคาร หรือ Outdoor CPE จำนวน 5 ชุด เพื่อติดตั้งให้ทดสอบใช้งานที่โรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานศึกษา ร้านค้า บ้านพักอาศัย แบบพีซีไอ การ์ด หรือ PCI Card จำนวน 5 ชุด เพื่อติดตั้งให้ใช้งานกับโน้ตบุ๊กที่สถานศึกษา สำนักงานที่ดิน บริษัทเอกชน และแบบชนิดติดรถยนต์ หรือ Mobile CPE จำนวน 2 ชุด เพื่อให้ใช้กับรถตำรวจ
อย่างไรก็ดี กลุ่มลูกค้า ทีโอที ที่เข้าร่วมการทดสอบจะได้ใช้งานระบบจริงโดยไม่ต้อง เสียค่าใช้จ่าย โดยมีช่วงระยะเวลาการทดสอบประมาณ 30–90 วัน ในวันที่ 19 ก.ย. 51 ทีโอทีจะต้องเก็บอุปกรณ์คืน และส่งออกนอกประเทศทั้งหมดตามเงื่อนไขกทช.
เหตุผลที่เลือกพื้นที่ทดสอบที่จังหวัดชลบุรีเพราะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูง และมีกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานที่หลากหลาย สามารถทดสอบระบบได้หลายรูปแบบและมีความพร้อมด้านโครงข่ายพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่อง ของการเชื่อมโยงระบบสื่อสัญญาณ
จาก โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2551 10:33 น

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

ทดสอบการ์ดจอ แบบ SLI

วันนี้โชคดีคับได้การ์ด รุ่นเดียวกันสองตัว แถม ใช้ได้ทั้งสองการ์ดเลย ก็เลยจัดการต่อ crossfire กันเสียเลย



Posted by Picasa
ผลคะแนนเป็นดังนี้ครับ
3dMark2003 Cross=8713 single=5370
3dmark2005 Cross=4890 singgle=3865
3dmark2006 Cross=SM 1271 SM3 1514 single=SM675 SM3 818

ทดสอบ sound card asus

อย่างที่เห็นครับวันนี้ได้รับ sound card ของ asus มา
Asus ก็ทำ soundcard ขายด้วยน่ะครับ








chip ที่ใช้ ก็ตี ยี่ห้อ Asus เลยครับ

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

การเป็นผู้ดูแลระบบในหน่วยงานราชการในปัจจุบัน

การเป็นผู้ดูแลระบบในหน่วยงานราชการในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องเป็นผู้ที่ชอบงานนี้จริง เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งเงินน้อย ต้องอุทิศตน ให้กับงาน เพราะว่าไม่ใช่งานหน้าเดียว ปัจจุบันน้องๆรุ่นใหม่ มีความรู้คอมพิวเตอร์ แต่ไม่อยากรับผิดชอบ เพราะกลัวเหนื่อย แต่ผู้เขียนเอง ยังยังอยู่กับมันทุกวัน หากเราไม่ทำแล้วใครจะทำ อยากเห็นหน่วยงานนี้ มีความก้าวหน้าและมีความพร้อม ในการให้บริการข้อมูลข่าวสาร เพื่อแก้ไขอะไรต่างๆให้ดีขึ้น เพราะในปัจจุบันเราสามารถนำ เทคโนโลยีต่างๆมา ดำเนินกลยุทธ ในการต่อสู้ และเอาชนะกับผู้ก่อการร้ายได้ โดยในสามจังหวัดนี้เคยนำมาใช้แล้ว แต่ผู้ที่นำไปใช้นั้นจะเข้าใจในเครื่องมือตัวเองขนาดไหน แล้ววันหลังจะนำเรื่องราวต่างๆมาเล่าสู่ฟัง วันนี้พอแค่นี้ก่อน

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

soun card Creative Audigy 2 NX

 ครับวันนี้ได้รับ Sound card แบบ External มา ตัวหนึ่งครับ
       อาการเสียคือ ไฟ ไม่เข้า ไม่มี power 



    ครับจัดการทดสอบก่อนเลย โอ้ แม่เจ้าเป็นจริงอย่างที่แจ้งมาเลยครับ 
      เปิด ไส้ดูกันเลย
    

    วันไป วันมาอยู่ไม่นานก็พอจะเดาได้แล้วว่าน่าจะ short จัดการหา ic จำพวก จ่ายไฟ เจอตัวแล้วครับ ic พวกนี้ ไม่คอยจะมีเบอร์หรอกครับ จัดการเปลี่ยนเสียก็หาย









ครับ อยากจะให้ละเอียดกว่านี้น่ะครับแต่กล้องไม่อำนวยเสียเลย จะให้ดูว่า การ์ดรุ่นนี้เข้าใช้ชิปอะไร กันบ้าง 
สำหรับเสียง ผมไม่เชียร์ใครคับ แต่รุ่นนี้จะดีตรงที่ว่า ประมวลสัญญาณเสียง แบบ 24 bit และ เป็นแบบ ภายนอก ในขณะที่เราเสียบเข้าจะ detect และ ใช้งานได้เลย แต่ จะปรับเสียง ที่ตัว box ไม่ได้ หากต้องการปรับเสียงได้ต้องติดตั้ง driver ก่อนคับ  เอาเป็นว่าใครอยากจะดูภายในก็ดังรูปครับ


แปลกใจ  ภาคจ่ายไฟของ card จะมีความร้อนสูง ic 1117 สำหรับจ่ายไฟ จะร้อนเป็นพิเศษ ฉะนั้นระวังเรื่องความร้อนครับ  

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

Ram single VS Ram dual



     ทดสอบเล่นๆ ครับเพราะอยู่ ๆ ก็สงสัยว่า หาก RAM แบบ Dual และ RAM แบบ ไม่ Dual จะมีผลต่อการ
ทำงานของการ์ดจอหรือเปล่า ไม่เป็นทางการน่ะครับ แบบว่าอยากจะรู้ก็เลยทำ

   การจอที่ทำการทดสอบครับ คือไม่สนใจความแรงน่ะครับแต่สนใจเฉพาะ ความแต่แตกเท่านั้น


 
บอร์ดที่ใช้ทดสอบครับเป็น P5WD2 และ พระเอกคือ RAM 1 G Apacer ครับ
ผลครับดูกันเลย 
             RAM Single ==  8863 (3Dmark2001),3324(3Dmark2003),1636(3Dmark2005)
             RAM Dual   ==  9350 (3Dmark2001),3368(3Dmark2003),1656(3Dmark2005)

สรุป จากผลนั้นล่ะครับ แสดงว่า การต่อแบบ Dual นั้น จะมีผลต่อการทำงานของการ์ดจอด้วย ยังไง Dual เร็วกว่าครับ 


วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Linksys review model WRT54G v5

>>เนื่องจากฟ้าผ่า เป็นอุปสรรคสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ทำให้ พังกันเป็นแถบ ๆ ดังตัวที่ผมได้ชำเหละออกมา
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์วันนี้คือ wireless lan ของ Linksys ครับ รุ่นไม่ขอบอกน่ะคับ

จาก Block Diagram ครับ ดูแล้วอาจจะงง สรุปง่ายว่า แน่คือบล็อกไดอแกรม หลักการทำงานคราวๆ ของ เครื่องนี้เลยน่ะคับ แต่รายละเอียดย่อย นั้นทาง linksys ไม่เปิดเผย แต่ ดูบล็อกถัดไปเลยครับ

บล็อกไออะแกรมก่อนหน้านี้จะเป็นบล็อกไดอะแกรมของทาง บริษัทผู้ผลิต chip BCM5352 ของ Broadcom ครับ ซึ่งจะต้องใช้สองส่วนคือส่วน ควบคุม และ ส่วนขยายสัญญาณไวเลท ส่วนนี้จะใช้ chip เบอร์ BCM 2050 ในการทำงาน กลับมาดูการตรวจซ่อมกันต่อคับ
>> จากรูปด้านบนนี้ จะเป็น Chip ควบคุมคับ เบอร์ BCM 5352 ครับ เมื่อเสียบแหล่งจ่ายไฟเข้าไปปรากฏว่า อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ไฟบอกสถานะกระพริบ ตลอด โอเคครับ ร่วนๆ แน่นอน ถอดไฟเช็คต่อในส่วน ต่าง ๆ สังเกตเห็น port Lan ที่ใช้ต่ออินเตอร์เน็ตนั้น มีรอยไหม้ตรวจวัดการซ้อต ไม่พบ วันแหล่งจ่ายไฟ ไฟแรม ไฟchip ไฟ5โวลท์ น่าจะปกติ

เหลือทางสุดท้ายแล้ว ต้องลองดูคับ จัดการใส่เครื่อง BGA เสียเลย ออกมาแล้วครับ pcb ร้อน ๆ น่ากิน(ไม่ใช้พิชซ่า) ครับ ไม่รอช้า เสียบปลั้ก โอ้ ไม่อยากจะเชื่อคับ ใช้งานไม่ได้เหมือนเดิม ครับก็รู้อยู่แล้วน่ะว่าchip น่าจะกลับบ้านเก่าแล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำ ฮ่าๆ ๆ

>>>>> สรุปแล้วงานนี้ไม่สำเร็จครับ ไม่ฟื้นคับ แต่หากสังเกตุอาการแล้วก็เดาได้เลยครับว่าน่าจะเป็นที่ Chip ควบคุม BCM5352 อย่างแน่นอน โอ้ฟ้าไม่เป็นใจ ผ่ามาได้ ผังกันเป็นแถบๆ เลยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สาธิตการซ่อม VGA

จาก VEDIO เป็นการสาธิตการซ่อมโดยการใช้ลมร้อนเป่า อาการเสียคือ ภาพลาย การซ่อมลักษณะนี้จะใช้เครื่องแบบ meanaul แต่ในสมัยใหม่จะใช้เครื่องที่มีการจัดเรียง chip โดยการใช้กล้องช่วยในการจัดว่าง แต่ในการสาธิตไม่ได้จัดวางชิปใหม่เป็นการ เป่าลมร้อนเพื่อให้ขา chip กลับมาติดอีกครั้ง

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ตรวจสอบไวรัสจากชื่อไวรัสคอมพิวเตอร์





ตรวจสอบไวรัสจากชื่อไวรัสคอมพิวเตอร์


ตัวอย่าง W32.Buybear.B@mm


1. Family Name ชื่อส่วนนี้คือ W32 ส่วนนี้จะบอกประเภทของไวรัสหรือระบบที่ไวรัสโจมตี เช่น W32 ก็คือระบบwindows 32 บิต หรือ VBS คือไวรัสที่สร้างจากภาษา VBScript


2.Group Name ส่วนนี้จะบอกถึงชื่อจริงของไวรัส เช่น จากตัวอย่าง ไวรัสจะมีชื่อจริงว่า Buybear หรือ W32.Klex.H@mm มีชื่อจริงว่า Klex


3. Variant ส่วนนี้จะบอกถึงสายพันธ์ของไวรัสมีสองแบบ คือ
-Major variant ใช้อักษรตัวเดียวในการบ่งบอก เช่น W32.Buybear.B@mm กับ W32.Buybear@mm จะเป็นคนละสายพันธ์กัน
-Minor variant จะแสดงเป็นค่าตัวเลขเพื่อบ่งบอกถึงขนาดของไวรัสเช่น W95.CIH.1003 คือไวรัสตัวนี้จะมีขนาด 1003 kB เท่านั้น

4.Tail บอกลักษณะการแพร่ขยาย มีสองส่วน
-@m ไวรัสหนอนชนิด Mailer แพร่ขยายทาง E-mailw ได้
-@mm แบบ Mass Mailer แพร่เชื้อทางรายชื้ออีเมลได้ ( Address book ของ Microsoft outlook)

วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551

VGA Card พัดลม และ ไม่พัดลม อย่างไหนดี


เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีปัจจุบันที่พยายามที่จะไม่ใช้พัดลมในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อย่างเช่น VGA card นั้น หากถามความคิดเห็นส่วนตัวผมบอกได้เลยว่าดี เพราะ
1. ไม่มีเสียพัดลมดัง
2. หรูไม่เหมือนชาวบ้าน
แต่ยังไงไม่อาจทราบได้ เพราะจากการซ่อม VGA มานั้น อาการที่นำมา เครมบ่อยที่สุดสำหรับรุ่นที่ไม่มีพัดลมคือ Hang จอฟ้า restart ซึ่งอาการจำพวกนี้ก็อยากจะเกิดจาก VGA การ์ด
-ผมจะมีจ้อสังเกตุเกิดขึ้นว่า VGA การืดนั้น ทีมผู้สร้างนั้นได้ทำการสร้างและทดสอบที่ต่างประเทศ และอาจจะเป็นไปได้ว่า ออกแบบในห้องปฏิบัติการ ซึ่งอุณหภูมิน่าจะอยู่ในอุณหภูมิ มาตรฐานนั้นคือ 25 องศา ทำให้เมื่อผู้ใช้งานจริงใช้งานทั่วไปจึงเกิดปัญหาเกิดขึ้นอย่างที่ว่าไปคือ Hang ยิ่งประเทศไทยด้วยแล้ว เป็นประเทศที่มีอุณหภูมิสูงจึงเกิดปัญหาอย่างที่บอกได้ง่าย
--และอีกประเด่นหนึ่ง อาการที่ต่อจากVGA การ์ดที่ ไม่Hang และสามารถใช้งานได้ต่อไปถึงแม้จะอุหภูมิสูง (ตามหลักการแล้ว VGA การ์ดจะไม่ได้กำหนดอุหภูมิที่รับได้ทำให้เมื่ออุหภูมิสูง VGA การ์ดบ้างตัวก็ยังทำงานได้) แต่ระวัง เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้นั้นคือสารกึ่งตัวนำและตะกั่วในการเชื่อมติดกันระวัง chipset กับแผงวงจรทำให้เมื่ออุหภูมิที่สูงตะกั่วจะเกิดการหลอมละลาย อาการที่จะตามมาคือ ภาพลาย เมื่อเกิดอาการอย่างว่าแล้วก็ต้องส่งเครมอย่างเดียว เพราะไม่ได้เกิดจากsoftware และหากหมดประกันก็ต้องทิ้ง หรือซ่อมก็ได้ แต่มีไม่กี่แห่งที่รับซ่อมและไม่รับประกันว่าจะใข้ได้ อาจจะใข้ได้หรือไม่ได้ 50 ต่อ 50
---ผมไม่อาจจะแน่นำได้ว่ามีพัดลมจะดี แต่ผมให้เครดิตว่ามีพัดลมดีกว่าไม่มีพัดลม

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2551

จิตวิทยาน่าสนใจ

http://www.jvkk.go.th/jvkkfirst/test.htm
ลองเข้าไปทดสอบดูน่ะครับ มีรายการเยอะมากมาย จิตวิทยาทันนั้นเลยครับ

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สนับสนุนเวปไทยเพื่อ ฟอนท์ไทย

เวปนี้เลยครับสนับสนุน ทั้งยังบอกวิธีการสร้างฟอนท์อีกด้วย ใครสนใจก็เข้าชมกันได้เลยคับ
มีฟอนท์ไทยแปลกๆ ให้ใช้ฟรีด้วยครับ ใครที่ไม่อย่างจะเหมือนใครก็ลองดูน่ะจ่ะ
http://www.f0nt.com/
ตัวอย่าง ฟอนต์ครับ เป็นฟอนต์ที่เหมือนกับการเขียนด้วยปากกา

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

“MacBook Touch” พร้อมเปิดตัวต่อสายตาชาวโลก ตุลาคม 2008


“MacBook Touch” พร้อมเปิดตัวต่อสายตาชาวโลก ตุลาคม 2008

คงจะไม่ใช่คำกล่าวที่เวอร์เกินจริงจนเกินไปครับกับคำว่าลืมไปได้เลย Tablet Notebook” เพราะเมื่อท่านจะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวเจ้า “MacBook Touch” ต่อไปนี้ พร้อมแนวคิดและการออกแบบอันสุดจะไฮโซตามแบบฉบับที่ Apple ที่ได้ทำสินค้าไอทีเด่นๆ ออกมาสู่สายตาชาวโลกตลอดมานับต่อนับแล้วตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก (MacBook Air), เครื่องเล่น MP3 (iPod) จนมาถึงเจ้า iPhone ที่เป็นข่าวอยู่ทุกวี่ทุกวัน

เหนือกว่า Tablet ทั่วไปด้วยระบบ Multi-Touch

และล่าสุด Apple ก็ได้เผยตัวสินค้าใหม่ในนาม “MacBook Touch” ซึ่ง เป็น Tablet ที่ต่างจาก Tablet ทั่วไปที่เ้ราได้เห็นๆ กันมา (เช่น บิดจอไปมาได้ ขีดๆ เขียนๆ ได้เหมือนกระดานชนวน อะไรประมาณนั้น) เนื่องจาก MacBook Touch นั้นได้เอาความสามารถของระบบ Multi-Touch เข้ามาร่วมกับการใช้งาน (ดังที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมาแล้วจาก iPhone) จึงทำให้ MacBook Touch สามารถที่จะควบคุมการทำงานต่างๆ บนหน้าจอได้พร้อมๆ กันหลายอย่าง เช่น หากท่านติดตั้งซอฟแวร์เพื่อให้มันเป็นเปียโน ท่านก็สามารถที่จะกดคีย์ต่างๆ ได้หลายคีย์พร้อมๆ กันเหมือนเปียโนเลย เป็นต้น

ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน จะเห็นว่าพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ซ่อนได้้เนี๊ยบมากไม่เกะกะรุงรังเหมือน NoteBook หรือ Tablet ในปัจจุบันเล ย

“MacBook Touch” พร้อมเปิดตัวต่อสายตาชาวโลกจริงในเดือน ตุลาคม 2008 ที่จะถึงนี้ ซึ่งนับว่าในช่วงปีนี้ Apple ทำเอาวงการไอทีต้องสั่นสะเทือนมาแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่ต้นปีที่เปิดตัว MacBook Air มาจนถึงช่วงกลางปีที่เผยตัว iPhone 3G และก็นี่ล่าสุด “MacBook Touch” ที่ คาดกันว่าจะปฏิวัติรูปแบบการใช้งาน Tablet กันไปเลยก็ว่าได้ครับ.

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

โรคคอมพิวเตอร์

โรคคอมพิวเตอร์

ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ได้ ในบทนำนั้น ได้เขียนหัวข้อที่น่าสนใจไว้ว่า ปัจจุบัน โรคที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้น นับวันจะมีมากขึ้น ซึ่งมีผลสัมพันธ์กันกับ อัตตราการใช้งานคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันนี้ หนังสือดังกล่าวได้บอก ถึงอัตรายที่น่ากลัวไว้ว่า อ่านจะทำให้เรานั้น ถึงขนาดกับตาบอดได้เลยที่เดี่ยว และ อีกมากมาย

ท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด

โรคที่ตั้งชื่อตามตัวอักษรชุดแรกบนแป้นคีย์บอร์ดว่า Qwerty Tummy อาจระบาดในที่ทำงานได้ หากว่าแป้นคีย์บอร์ดมีแบคทีเรียซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอาหารเป็นพิษและผู้ใช้ รับประทานอาหารไปพร้อมกับใช้งานคีย์บอร์ดเครื่องคอมพ์ด้วยการศึกษาครั้งนี้ แสดงว่าคีย์บอร์ดเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรียที่น่ากลัว ด้วยคนทำงาน 1 ใน 10 ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ด และ 20% ไม่เคยทำความสะอาดเมาส์ ขณะที่ 50% ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ดภายในเวลาหนึ่งเดือน นอกจากนี้ด้วยรูปแบบการทำงานสมัยใหม่ ที่พนักงานต้องย้ายโต๊ะทำงานไปเรื่อยๆทำให้พวกเขาไม่มีทางรู้ว่า ใครใช้คีย์บอร์ดที่กำลังใช้อยู่และใช้งานอย่างไรบ้าง

ทางแก้ไขคือ ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ควรทำความสะอาด คีย์บอร์ดเป็นประจำเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย วิธีการคือทำความสะอาดด้วยผ้าเนื้อนุ่มชุบน้ำหมาดๆ ที่สำคัญคืออย่าลืมถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ก่อน

โรคอื่นๆ อีกมากมาย
คอมพิวเตอร์จะไม่เป็นอันตรายหากว่าคุณไม่ใช้มันจนติดเป็นนิสัย ซึ่งหมายความว่านั่งจมจ่อมอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เกือบจะตลอดวันและทุก วันคนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ้างเป็นบางครั้งคราวย่อมไม่ได้เจ็บป่วยเพราะ คอมพิวเตอร์แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละคนก็จะได้รับผลกระทบจากเครื่องใช้ไฮเทคนี้มากหรือน้อยช้าหรือเร็ว ไม่เหมือนกัน หลายๆ อาการเจ็บป่วยจากคอมพิวเตอร์นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เรารู้กันดี แต่บางครั้งก็หลงลืม ว่าแล้ว...ลองมาทบทวนกันดูหน่อยดีไหม
ปวดตา :เพราะ การใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ตาต้องจ้องจอสว่างๆจึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาเรื่อง สุขภาพสายตา จึงควรระวังแสงที่จะส่องตรงมาโดยเฉพาะแสงจากด้านหลังของจอคอมพิวเตอร์ ควรให้แสงเข้ามาด้านข้าง (ด้านขวาก็จะดี)ถ้าเป็นไปได้ให้ติดแผ่นป้องกันรังสี รวมทั้งปรับความสว่างของจอให้เหมาะสมกับดวงตาการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็น เวลานาน ไม่เพียงทำให้เกิดอาการปวดตาเท่านั้นแต่อาจเป็นสาเหตุของโรคต้อหินในอนาคต ด้วย โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่สายตาสั้น นอกจากนี้จอคอมพิวเตอร์ที่สั่นไหว หรือเป็นคลื่นนั้นควรจะยกไปซ่อมซะควรละสายตาจากจอบ้างเป็นครั้งเป็นคราว กะพริบตาเป็นระยะเพราะดวงตาของคุณต้องการความชุ่มชื้น
โรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ :ปรับ ระดับความสูงของเก้าอี้หรือโต๊ะที่วางคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ข้อศอกอยู่ในมุม 90 - 100 องศา วางคีย์บอร์ดให้เหมาะเวลาใช้คีย์บอร์ดจะได้ไม่ต้องงอมือให้อยู่ในท่าที่ไม่ สะดวกสบายควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ด ถ้าหากจำเป็นควรพิมพ์คีย์บอร์ดและใช้เมาส์อย่างเบามือ ถ้ามีเวลาก็ออกกำลังกายข้อมือและนิ้วบ้างหากสามารถทำงานด้วยวิธีการอื่นโดย ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะและทำซะ
ปวดคอและหลัง :สำรวจท่านั่งเวลาทำงานของตัวเองควรนั่งตัวตรง ห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 18 - 24 นิ้ว เก้าอี้ที่ดีควรจะมีล้อสามารถปรับพนักพิงได้ และต้องมีที่วางแขนโต๊ะควรจะมีพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องมืออื่นๆ ในการทำงาน

ยังไงก็ทำอะไรก็อย่ามาก อย่าน้อย กลาง ๆ ไว้จะดีกว่าน่ะครับ